วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Week 9 : เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ (3)

เกลือแร่ และเครื่องดื่มเกลือแร่


เกลือแร่ คือ สารอาหารประเภทแร่ธาตุที่มีความจำเป็นสำหรับร่างกาย เป็นสาร electrolyte ที่สำคัญในกระบวนการทำงานของร่างกาย ได้แก่ การควบคุมเมทาบอลิซึม ควบคุมการผลิตฮอร์โมน และควบคุมการผลิตเอนไซม์ เป็นต้น
เกลือแร่เป็นสารจำเป็นอย่างหนึ่งเหมือนอาหาร และเป็นสารที่เป็นองค์ประกอบของร่างกายที่ขาดไม่ได้ โดยปกติร่างกายคนเราจะประกอบด้วยแกลือแร่ประมาณร้อยละ 4 ของน้ำหนักร่างกาย พบเป็นองค์ประกอบของอวัยวะต่างๆ และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารเคมีในร่างกายเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต และควบคุมการทำงานของร่างกาย
ประโยชน์เกลือแร่
1. ช่วยเสริมสร้างร่างกาย และเป็นส่วนประกอบของร่างกาย
– เป็นส่วนประกอบของอวัยวะในร่างกาย เช่น ธาตุแคลเซียม และฟอสฟอรัสเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูก และฟัน ช่วยให้กระดูก และฟันเติบโต และทำงานอย่างปกติ
– เป็นส่วนประกอบของสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต เช่น ฟอสฟอรัสเป็นส่วนประกอบของสารเคมีที่ทำหน้าที่เก็บพลังงานไว้ได้
2. ควบคุมการทำงานของร่างกาย
– เป็นส่วนประกอบของสารเคมีที่ช่วยควบคุมการทำงานของร่างกาย เช่น เอนไซม์ ฮอร์โมน เป็นต้น ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต และทำให้ร่างกายทำงานปกติ
– เป็นสารสำคัญสำหรับปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย เช่น ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม เป็นสารสำคัญสำหรับกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และการใช้น้ำตาลของร่างกาย ส่วนคลอรีนเป็นองค์ประกอบของกรดสำคัญในกระบวนการย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร เป็นต้น
– เป็นสารสำคัญของกระบวนการทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบกระแสประสาท เข่น แคลเซียมทำหน้าที่สำคัญของการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ  หรือแคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม และโพแทสเซียม มีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท
– ควบคุมการทำงานของกระบวนการอื่นๆ อาทิ แคลเซียมมีหน้าที่สำคัญสำหรับการแข็งตัวของเลือด ส่วนโซเดียม และคลอรีนทำหน้าที่ช่วยในด้านความสมดุลน้ำในร่างกาย  และช่วยการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย นอกจากนั้น โซเดียม และฟอสฟอรัสเป็นส่วนประกอบสำคัญของสาร buffers ที่ทำหน้าที่ควบคุมความเป็นกรด-ด่าง  ของเลือดในรางกาย
อิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte)
อิเล็กโทรไลต์ คือ เกลือแร่ที่เป็นประจุไฟฟ้า ที่ละลายอยู่ในของเหลวของร่างกาย แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
1. เกลือแร่ที่ละลายแล้วให้ประจุบวก ได้แก่ โซเดียม (Na+) โพแทสเซียม (K+) แคลเซียม (Ca+) และแมกนีเซียม (Mg+)
2. เกลือแร่ที่ละลายแล้วให้ประจุลบ ได้แก่ คลอไรด์ (Cl) ไบคาร์บอเนต (HCO3) ไบฟอสเฟต (HPO4)
ประเภทของเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย
1. เกลือแร่ที่ร่างกายต้องการมาก (Macronutrients/Principal elements) เป็นเกลือที่พบเป็นส่วนใหญ่ในร่างกาย และร่างกายมีความต้องการมาก ได้แก่ ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม แมกนีเซียม คลอรีน เหล็ก และกำมะถัน
2. เกลือแร่ที่ร่างกายต้องการน้อย (Micronutrients/Trace elements) เป็นเกลือแร่ที่พบในปริมาณน้อยในร่างกาย และร่างกายมีความต้องการน้อย โดยทั่วไปจะพบเพียงร้อยละ 0.005 ของน้ำหนักตัว ได้แก่ ทองแดง แมงกานีส ไอโอดีน ฟลอรีน สังกะสี โคบอลต์ โมลิบดีนัม โครเมียม และซิลีเนียม
แคลเซียม (Calcium)
แคลเซียม เป็นชนิดเกลือแร่ที่พบมากที่สุดในร่างกาย ประมาณ 1,200-2,000 กรัม หรือ ร้อยละ 1.5-2.0 ของน้ำหนักตัว และมีปริมาณร้อยละ 39 ของแร่ธาตุทั้งหมดที่พบในร่างกาย โดยพบมากในส่วนของกระดูกของงร่างกาย ความต้องการแคลเซียมในเด็กจะประมาณ 400-700 มิลลิกรัม/วัน ส่วนผู้ใหญ่จะประมาณ 400-500 มิลลิกรัม/วัน และจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายบริเวณลำไส้เล็กประมาณร้อยละ 40 จากปริมาณแคลเซียมจากอาหารที่ได้รับ ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในกระบวนการสร้างกระดูก และฟัน ช่วยการแข็งตัวของเลือดจากการเกิดบาดแผล ใช้ในกระบวนการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อ การทำงานกล้ามเนื้อของหัวใจ ช่วยในการสังเคราะห์ acetylcholine ที่เป็นสารสำหรับการถ่ายทอด และนำส่งกระแสประสาท และช่วยเพิ่มปริมาณ permeability ของผนังเซลล์ ทำให้การดูดซึมสารเข้าสู่เซลล์ดีขึ้น สำหรับปริมาณแคลเซียมในกระแสเลือดจะพบประมาณ 10 มิลลิกรัม จากเลือด 100 ซีซี หากปริมาณแคลเซียมในเลือดต่ำจะทำให้ประสาทไวผิดปกติ อาจรุนแรงถึงเกิดอาการชัก แต่หากปริมาณแคลเซียมในเลือดสูงกว่าปกติจะทำให้ระบบประสาทช้าลง
โซเดียม (Sodium)
โซเดียมที่พบในร่างกายมนุษย์มีประมาณ 100 กรัม ส่วนใหญ่เป็นสารให้ประจุบวก พบมากบริเวณของเหลวนอกเซลล์ โดยส่วนใหญ่ร่างกายจะได้รับโซเดียมในรูปเกลือแกง และจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดบริเวณลำไส้ ประมาณร้อยละ 85-90 ส่วนที่เหลือจะถูกขับออกในรูปเกลือของฟอสเฟต และคลอไรด์ ซึ่งระดับโซเดียมในร่างกายจะถูกควบคุมด้วยฮอร์โมนจากต่อมอะดรีนาล การสูญเสียโซเดียมส่วนใหญ่มักสูญเสียไปกับเหงื่อ และอาการท้องร่วง หากร่างกายขาดโซเดียมมากจะเกิดตะคิว และมีอาการขาดน้ำ เนื่องจากโซเดียมมีความสำคัญต่อการควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย รักษาความเป็นกรด-ด่างของเลือด ช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ และช่วยในการดูดซึมกลูโคส
โพแทสเซียม (Potasium)
โพแทสเซียมในร่างกายของคนเรามีประมาณ 250 กรัม เป็นสารที่ทำหน้าที่ควบคุมสมดุลน้ำ และแรงดันออสโมซีสในร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อ เป็นตัวเร่งกระบวนการเมทาบอลิซึม ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน และกลูโคส และช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ ส่วนใหญ่พบเป็นองค์ประกอบของของเหลวภายในเซลล์ ปริมาณโพแทสเซียมในเม็ดเลือดแดงจะพบมากเป็น 20 เท่า ของพลาสมา และในกล้ามเนื้อมีมากกว่าโซเดียมประมาณ 6 เท่า โพแทสเซียมในร่างกายส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับโซเดียม เพราะเมื่อมีการดูดน้ำเข้าเซลล์ โพแทสเซียมจะเคลื่อนจากเลือดเข้าสู่เซลล์ และขับโซเดียมออกนอกเซลล์ เรียกกระบวนการนี้ว่า Sodium pump ส่วนโพแทสเซียมที่ถูกขับออกนอกเซลล์จะเกิดจากการสลายตัวของโปรตีน การสลายตัวของไกลโคเจน และภาวะการขาดน้ำของเซลล์  หากเกิดภาวะการขาดโพแทสเซียมจะทำให้ร่างกายอ่อนเปลี้ย มีอาการ และเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต ลำไส้ไม่ทำงาน กล้ามเนื้อระบบหายใจ และหัวใจผิดปกติ แต่หากมีปริมาณโพแทสเซียมมากเกินไปจะทำให้การหายใจช้าลง หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้
แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นสารที่ช่วยในการถ่ายทอด และรับส่งกระแสประสาท ช่วยในการหด และคลายตัวของกล้ามเนื้อ และช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเร็ว
ผลิตภัณฑ์เสริมเกลือแร่ แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
1. Enriched Beverage ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ และผลิตภัณฑ์น้ำเสริมวิตามิน
2. Sport Drinks คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเกลือแร่
3. Energy Drinks คือ ผลิตภัณฑ์เสริมพลังงาน
4. Nutraceuticals คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารอาหารหรือเกลือแร่ เพื่อบำรุง และเสริมสร้างร่างกายหรือใช้ในทางการแพทย์โดยเฉพาะ ซึ่งครอบคลุมไปถึงในด้านความสวยความงาม และดีท็อกซ์ เป็นต้น
เครื่องดื่มเกลือแร่
เครื่องดื่มเกลือแร่ (Sports Drink/Electrolyte Drink) หมายถึง เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารเกลือแร่ ทั้งอยู่ในรูปผงชนิดซองบรรจุ และในรูปของสารละลายในภาชนะบรรจุขวดหรือกระป๋อง ใช้สำหรับชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียจากกิจกรรมที่ร่างกายทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และเหงื่อมาก อาทิ อาการท้องเสีย การออกกำลังกาย การทำงาน เป็นต้น เป็นเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยน้ำ แร่ธาตุ และสารให้พลังงานต่างๆที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำให้มีความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
เครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดผง
ภายหลังจากเกิดอาการท้องเสีย การทำงาน การออกกำลังกายที่ทำให้เกิดเหงื่อมาก ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สูญเสียน้ำ และแร่ธาตุ หากดื่มน้ำเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียได้ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องดื่มน้ำที่ผสมเกลือแร่ น้ำตาล และสารอื่นๆ เพื่อชดเชย และช่วยบำรุงร่างกายให้กลับมาทำงานปกติ
ปัจจุบันเครื่องดื่มเกลือแร่เป็นเครื่องดื่มที่นิยมมากสำหรับคนออกกำลังกายหรือคนทำงานที่สูญเสียเหงื่อมาก เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีส่วนผสมของน้ำ แร่ธาตุ น้ำตาล และสารอื่นๆที่เหมาะสำหรับการชดเชยการสูญเสียน้ำ และแร่ธาตุของร่างกาย
เครื่องดื่มเกลือแร่ในเมืองไทยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ที่ผลิตขึ้นในยี่ห้อ “สปอนเซอร์” ตามมาด้วย บริษัท โอสถสภา จำกัด ในยี่ห้อ “เอ็มสปอร์ต” และยี่ห้อ “เกเตอเรด” ของบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) และตามด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากหลายบริษัท ทั้งผลิตในประเทศ และต่างประเทศ
ประโยชน์ของเครื่องดื่มเกลือแร่
1. ชดเชยเกลือแร่ และพลังงานที่ร่างกายสูญเสียไจากการท้องเสีย การออกำลังกาย และการทำงานหนัก
2. ช่วยแก้การกระหายน้ำ จากการสูญเสียน้ำหรือเสียเหงื่อมาก
3. เพิ่มความสดชื่น และกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกาย จากสารให้พลังงานพวกน้ำตาล
4. เพิ่มระดับเกลือแร่ให้ร่างกาย จากภาวะการขาดหรือการสูญเสียเกลือแร่ของร่างกาย ทำให้สมดุลของเหลวในร่างกายทำงานปกติ
ข้อควรระวังก่อนดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่
โดยทั่วไปร่างกายจะได้รับเกลือแร่จากอาหารในชีวิตประจำวันที่เพียงพออยู่แล้ว การใช้เครื่องดื่มเกลือแร่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ เกลือแร่ และพลังงานของร่างกายในภาวะอาการท้องเสีย การออกกำลังกาย การทำงานหนัก การป่วยหรือกิจกรรมอื่นที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำ และเกลือแร่ หากมีการบริโภคเกลือแร่จากแหล่งอื่นมากเกินความต้องการของร่างกาย อาจทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติไป โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต โรคระบบประสาท โรคระบบกล้ามเนื้อ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่เกินความจำเป็น
การใช้เครื่องดื่มเกลือแร่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ เกลือแร่ และพลังงานของร่างกายในภาวะอาการท้องเสีย การออกกำลังกาย การทำงานหนัก การป่วยหรือกิจกรรมอื่นที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำ และเกลือแร่
ที่มา

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 8 : Review/แนะนำการใช้งานโปรแกรม




ในที่สุดเกมภาคต่อที่ทุกคนรอคอยมาเเสนนาน(ภาคเเรกน่าจะมาตอน2009เเละมีภาคย่อยออกมามากมาย)นั่นก็คือAngry Birds 2 จากค่ายRovioนั่นเอง ในที่สุดทางค่ายก็ยอมปล่อยออกมาในวันที่31/7/15 โหลดได้แล้วทั้ง iOS และ Android ที่สำคัญคือฟรีอีกด้วย !!
โดยรูปแบบการเล่นจะยังคงคล้ายเดิมคือการยิงเจ้านกหลากหลายตัวไปทำลายฐานของเจ้าหมู แต่ภาคนี้จะมีระบบกราฟฟิคใหม่ ร่วมไปถึงการเล่นที่เน้นแอคชั่นมากกว่าเดิม
สำหรับเกมนี้คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักนะครับ เท่าที่ผมลองสัมผัสดูก็บอกเลยว่าเกมนี้ไม่ง่ายเเน่นอน
สำหรับใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปที่



ios-Download (Free)
Android-Download (Free)

ที่มา-Rovio

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 7 : คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


คอมพิวเตอร์คืออะไร

     คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electrinic device) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ
 
     โดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้ (programmable) นั่นคือคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชุดคำสั่งที่เลือกมาใช้งาน ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง


เช่น
- ใช้ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ
- การฝาก ถอนเงินในธนาคาร
- การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์

ข้อดีของคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพ มีความถูกต้อง และมีความรวดเร็ว

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นงานชนิดใดก็ตาม เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีวงจรการทำงานพื้นฐาน 4 อย่าง คือ

รับข้อมูล (Input) 

- เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล (input unit) เช่น คีบอร์ด หรือ เมาส์

ประมวลผล (Processing) 

- เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลกับข้อมูล เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปอื่นตามที่ต้องการ

แสดงผล (Output) 

- เครื่องคอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit) เช่น เครื่องพิมพ์ หรือจอภาพ

เก็บข้อมูล (Storage) 

- เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต

http://www.school.net.th/library/snet1/hardware/network.gif

เครือข่ายคอมพิวเตอร์

                 การที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทและความสำคัญเพิ่มขึ้น เพราะไมโครคอมพิวเตอร์ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นถึงกับเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบให้สูงขึ้น เพิ่มการใช้งานด้านต่าง ๆ และลดต้นทุนระบบโดยรวมลง มีการแบ่งใช้งานอุปกรณ์และข้อมูลต่าง ๆ ตลอดจนสามารถทำงานร่วมกันได้

                 สิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบข้อมูลมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น คือ การโอนย้ายข้อมูลระหว่างกัน และการเชื่อมต่อหรือการสื่อสาร การโอนย้ายข้อมูลหมายถึงการนำข้อมูลมาแบ่งกันใช้งาน หรือการนำข้อมูลไปใช้ประมวลผลในลักษณะแบ่งกันใช้ทรัพยากร เช่น แบ่งกันใช้ซีพียู แบ่งกันใช้ฮาร์ดดิสก์ แบ่งกันใช้โปรแกรม และแบ่งกันใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีราคาแพงหรือไม่สามารถจัดหาให้ทุกคนได้ การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายจึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กว้างขวางและมากขึ้นจากเดิม

                 การเชื่อมต่อในความหมายของระบบเครือข่ายท้องถิ่น ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การเชื่อมต่อระหว่างเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ แต่ยังรวมไปถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์รอบข้าง เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การทำงานเฉพาะมีขอบเขตกว้างขวางยิ่งขึ้น มีการใช้เครื่องบริการแฟ้มข้อมูลเป็นที่เก็บรวบควมแฟ้มข้อมูลต่างๆ มีการทำฐานข้อมูลกลาง มีหน่วยจัดการระบบสือสารหน่วยบริการใช้เครื่องพิมพ์ หน่วยบริการการใช้ซีดี หน่วยบริการปลายทาง และอุปกรณ์ประกอบสำหรับต่อเข้าในระบบเครือข่ายเพื่อจะทำงานเฉพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่ง ในรูป เป็นตัวอย่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่จัดกลุ่มเชื่อมโยงเป็นระบบ

   ตัวอย่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่จัดกลุ่มอุปกรณ์รอบข้างเชื่อมโยงเป็นระบบ

                 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดความสามารถในการปฎิบัติการร่วมกัน ซึ่งหมายถึงการให้อุปกรณ์ทุกชิ้นที่ต่ออยู่บนเครือข่ายทำงานร่วมกันได้ทั้งหมดในลักษณะที่ประสานรวมกัน โดยผู้ใช้เห็นเสมือนใช้งานในอุปกรณ์เดียวกัน จึงเป็นวิธีการในการนำเอาอุปกรณ์ต่างชนิดจำนวนมาก มารวมกันเป็นเสมือนระบบเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่อุปกรณ์เหล่านั้นอาจจะมาจากต่างยี่ห้อ ต่างบริษัท ก็ได้

ความหมายของระบบเครือข่าย

    ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึงการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน โดยอาศัยช่องทางการสื่อสารข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และการใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน (Shared Resource) ในเครือข่ายนั้น

รูปแสดงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ เพื่อการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server) ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์ในเครือข่าย (Network Operation System)

คอมพิวเตอร์แม่ข่าย

      หมายถึง คอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทรัพยากร (Resources) ต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ หน่วยความจำสำรอง ฐานข้อมูล และ โปรแกรมต่าง ๆ เป็นต้น ในระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) มักเรียกว่าคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ในระบบเครือข่ายระยะไกล ที่ใช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ หรือ มินิคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางของเครือข่าย เรานิยมเรียกว่า 
Host Computer และเรียกเครื่องที่รอรับบริการว่าลูกข่ายหรือสถานีงาน

ช่องทางการสื่อสาร

       หมายถึง สื่อกลางหรือเส้นทางที่ใช้เป็นทางผ่าน ในการรับส่งข้อมูล ระหว่างผู้รับ (Receiver) และผู้ส่งข้อมูล (Transmitter) ปัจจุบันมีช่องทางการสื่อสาร สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย คอมพิวเตอร์มีหลายประเภทคือ สายโทรศัพท์แบบสายคู่ตีเกลียวไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP) สายคู่ตีเกลียว แบบมีฉนวนหุ้ม (STP) สายโคแอคเชียล สายใยแก้วนำแสง คลื่นไมโครเวป และดาวเทียม เป็นต้น

รูปแสดงช่องทางการสื่อสารโดยใช้จานรับดาวเทียม

สถานีงาน

       หมายถึง อุปกรณ์หรือเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อ กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสถานีปลายทางหรือสถานีงาน ที่ได้รับการบริการจากเครื่อง คอมพิวเตอร์แม่ข่าย เรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Workstation) ในระบบเครือข่ายระยะใกล้ มักมีหน่วยประมวลผล หรือซีพียูของตนเอง ในระบบที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม เป็นศูนย์กลาง เรียกสถานีปลายทางว่าเทอร์มินอล (Terminal) ประกอบด้วยจอภาพและแป้นพิมพ์เท่านั้น ไม่มีหน่วยประมวลกลางของตัวเอง ต้องใช้หน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางหรือ Host


โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (TOPOLOGY)

        การนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเพื่อประโยชน์ของการสื่อสารนั้น สามารถกระทำได้หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดยทึ่วไปแล้วโครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถจำแนกตามลักษณะของการเชื่อมต่อดังต่อไปนี้


        
1. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส (bus topology)

        โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส จะประกอบด้วย สายส่งข้อมูลหลัก ที่ใช้ส่งข้อมูลภายในเครือข่าย เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง จะเชื่อมต่อเข้ากับสายข้อมูลผ่านจุดเชื่อมต่อ เมื่อมีการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องพร้อมกัน จะมีสัญญาณข้อมูลส่งไปบนสายเคเบิ้ล และมีการแบ่งเวลาการใช้สายเคเบิ้ลแต่ละเครื่อง ข้อดีของการเชื่อมต่อแบบบัส คือ ใช้สื่อนำข้อมูลน้อย ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเสียก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงานของระบบโดยรวม แต่มีข้อเสียคือ การตรวจจุดที่มีปัญหา กระทำได้ค่อนข้างยาก และถ้ามีจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากเกินไป จะมีการส่งข้อมูลชนกันมากจนเป็นปัญหา



2. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน (ring topology)

        โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน มีการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่แต่ละการเชื่อมต่อจะมีลักษณะเป็นวงกลม การส่งข้อมูลภายในเครือข่ายนี้ก็จะเป็นวงกลมด้วยเช่นกันทิศทางการส่งข้อมูลจะเป็นทิศทางเดียวกันเสมอ จากเครื่องหนึ่งจนถึงปลายทาง ในกรณีที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งขัดข้อง การส่งข้อมูลภายในเครือข่ายชนิดนี้จะไม่สามารถทำงานต่อไปได้ ข้อดีของโครงสร้าง เครือข่ายแบบวงแหวนคือ ใช้สายเคเบิ้ลน้อย และถ้าตัดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เสียออกจากระบบ ก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงานของระบบเครือข่ายนี้ และจะไม่มีการชนกันของข้อมูลที่แต่ละเครื่องส่ง



3. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว (star topology)

        โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว ภายในเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะต้องมีจุกศูนย์กลางในการควบคุมการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ หรือ ฮับ (hub) การสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ จะสื่อสารผ่านฮับก่อนที่จะส่งข้อมูลไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แบบดาวมีข้อดี คือ ถ้าต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ก็สามารถทำได้ง่ายและไม่กระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ในระบบ ส่วนข้อเสีย คือ ค่าใช้จ่ายในการใช้สายเคเบิ้ลจะค่อนข้างสูง และเมื่อฮับไม่ทำงาน การสื่อสารของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบก็จะหยุดตามไปด้วย


ที่มา
https://www.pinterest.com/pin/192317846557829218/ https://sites.google.com/site/wiparat0001/bth-thi-hnung http://www.school.net.th/library/snet1/hardware/network.html

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ข้อสอบ O-NET วิชาคอมพิวเตอร์ 5ข้อ


1. ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อย่างไรจึงช่วยลดภาวะโลกร้อน
      1.
เลือกใช้จอแอลซีดีและปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้ทันสมัย
      2.
ไม่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายและใช้เครื่องพิมพ์เเบบเลเซอร์
      3.
ใช้คอมพิวเตอร์วันละ 1 ชม. และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
      4.
ใช้งานเมื่อทำงานที่มีประโยชน์และจำเป็น ไม่เปิดเครื่องทิ้งไว้
เฉลย ข้อ4
          
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จะลดภาวะโลกร้อนได้โดยใช้งานคอมพิวเตอร์ทำงานที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ ไม่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้โดยไม่ใช้งานหรือทำงานที่ไม่จำเป็น

2. 
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Commerce) หมายถึงข้อใด
          1.การสั่งโทรเลข สั่งซื้อสินค้า
          2.การส่งแฟกซ์ติดต่อการค้า
          3.การใช้บัตรเครดิตชำระเงินค่าสินค้า
          4.การค้าขายที่กระทำผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
เฉลยข้อ  4
      
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การดำเนินธุรกิจทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าและบริการ ผ่านระบบสื่อสารโทรคมนาคมหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์
3. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ประโยชน์โดยตรงของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
      1. ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน
      2. สามารถใช้บริการได้ทุกที่ทุกเวลา
      3. สามารถคำนวณรายรับ รายจ่ายและภาษีได้ละเอียดและถูกต้อง
      4. สามารถให้ข้อมูลลูกค้าได้อย่างละเอียดและถูกต้องเป็นปัจจุบัน
เฉลย ข้อ 3
          เพราะ การใช้คอมพิวเตอร์ในการคำนวณรายรับรายจ่ายและภาษี ไม่ใช่การทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นเพียงการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่เหมาะสม
4.ตามมาตรฐานการจัดระบบการเชื่อมต่อสื่อสาร ระหว่างระบบเปิด (Open System Interconnection : OSI)
การควบคุมข้อมูลถถูกส่งผ่านจากต้นทางไปยังปลายทางด้วยเส้นทางที่เหมาะสม เกิดในเครื่อข่ายชั้นใด
      1.
ชั้นขนส่ง(transport)
      2.
ชั้นเครือข่าย(network layer)
      3.
ชั้นกายภาพ (physical layer)
      4.
ชั้นเชื่อมโยงข้อมูล (data link layer)
เฉลย ข้อ2
       
ทำหน้าที่ควบคุมการส่งผ่านข้อมูลระหว่างต้นทางและปลายทางโดยผ่านจุดต่าง ๆ บนเครือข่ายให้เป็นไปตามเส้นทางที่กำหนด รวบรวมและแยกแยะข้อมูลเพื่อหาเส้นทางในการส่งข้อมูลที่เหมาะสม
เฉลย ข้อ1.
เพราะการสร้างเวปไซต์ขึ้นมายังไม่จำเป็นต้องใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ แต่ข้อที่เหลือ
ต้องนำข้อมูลมาค้นหาต่อยอมสัมพันธ์กันทำให้ต้องใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์
5.อุปกรณ์ชนิดใดต่อไปนี้ไม่สามารถเก็บแฟ้มภาพขนาด 144 เมกะไบต์ได้
1.
แผ่นดีวีดี
2.
แผ่นดิสเก็ต
3.
แผ่นซีดีอาร์
4.
แผ่นซีดีอาร์ดับบลิว
เฉลย ข้อ1. แผ่นดีวีดี นี้จะมีความจุสูงกว่าตัวเลือกอีก 3 ข้อแน่นอนครับ ซึ่งมีด้วยกันหลายแบบ
1.singleside single layer
ความจุ 4.7 GB นิยมเรียก DVD 5
2.singleside dual layer
ความจุ 8.4 GB นิยมเรียก DVD 9
3.dualside singlelayer
ความจุ 9.4 GB นิยมเรียก DVD 10
4.dualside single+dual layer
ความจุ 13.1 GB นิยมเรียก DVD 14
5.dualside duallayer
ความจุ 16.8 GB นิยมเรียก DVD 18
6.Blu-ray Disc
จะมีบางแผ่นสามารถบรรจุข้อมูลได้ทั้งสองหน้าซึ่งความจุโดยรวมจะมีมากถึง 100GB

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 5:เรื่องที่นักเรียนสนใจ(2)

                   วันนี้จะมาพูดถึงสิ่งที่ผมสนใจนั่นก็คือเจ้าlenovo a7000 โทรศัพท์ของผมนั่นเอง เเน่นอนผมจะเเนะนำความคุ้มค่าของมันให้กับเพื่อนๆนั่นเองครับ


            ผมตัดสินใจซื้อเจ้านี่ก็เพราะว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นสุดคุ้มที่มาพร้อมสเปคเกินราคาเพราะราคาเปิดตัวแค่ 5,290 บาท แต่ได้ Android Lollipop พร้อมหน้าจอ HD 5.5 นิ้ว, CPU Octa-core 64-bit 1.7 GHz, RAM 2GB, กล้องหน้า 5MP ใช้งานได้ 2 ซิม รองรับ 3G ทุกเครือข่าย แถมยังเล่น 4Gได้
เเน่นอนอ่านถูกเเล้วมาดูสเปกเเบบเต็มๆดีกว่าครับ

สรุปข้อมูลและสเปค Lenovo A7000

  • ราคาเปิดตัว 5,290 บาท (พฤษภาคม 2558)
  • 2G : 850 / 900 / 1800 / 1900 MHz (ซิม 1 และ ซิม 2)
  • 3G : 850 / 900 / 1800 / 2100 MHz (ซิม 1 เท่านั้น)
  • 4G LTE (ซิม 1 เท่านั้น)
  • รองรับ 2 ซิม (Micro SIM + Nano SIM)
  • ขนาดตัวเครื่อง 152.6 x 76.2 x 7.99 มม.
  • น้ำหนัก 140 กรัม
  • หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว IPS ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop
  • ชิปเซ็ต Mediatek MT6752M
  • ซีพียู Octa-core 1.5 GHz Cortex-A53
  • กราฟิก (GPU) Mali-T760
  • หน่วยความจำ RAM 2 GB
  • หน่วยความจำ ROM 8 GB เพิ่มความจำภายนอกได้ด้วย microSD สูงสุด 32 GB
  • กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล แฟลช LED
  • กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
  • รองรับ Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.0
  • แบตเตอรี่ Li-ion 2,900 mAh (ถอดเปลี่ยนเองได้)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถือว่าสเปคนั้นสุดยอดมากๆเลย นี่มือถือราคา 5,000 กว่าๆเหรอเนี่ย
มาดูในเรื่องจุดเด่นของเจ้ามือถือด้วยนี้กันบ้าง นอกจากสเปคที่จัดหนักมาแล้ว บนรุ่นนี้ก็ยังมีเรื่องของระบบเสียงที่โดดเด่นมากๆอีกด้วย นั่นก็คือเจ้ารุ่นนี้นั้นเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos เลยซึ่งมันช่วยในการปรับเเต่งeqเสียงให้ดีขึ้นนั่นเอง

ส่วนประสิทธิภาพในการทำงาน โดยทั่วไปเเล้วรองรับการทำงานอย่างครอบคลุมครับ
โดยมีคะเเนนการทดสอบด้วยantutuอยู่ที่ประมาณ40000+คะเเนนครับ

สรุปจุดเด่น

  • หน้าจอ 5.5 นิ้ว IPS HD
  • ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop
  • ชิปเซ็ต Mediatek MT6752M, ซีพียู Octa-core 1.5 GHz Cortex-A53
  • ระบบเสียง Dolby Atmos เพิ่มอรรถรสในการดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกม ผ่านหูฟัง
  • กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลมีแฟลช Dual LED และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม และใช้งาน 4G LTE ในไทยได้
  • เพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ด้วย microSD สูงสุด 32GB
  • ฟีเจอร์การใช้งานหลากหลาย

จุดสังเกตเพิ่มเติม

  • ความคมช้ดของหน้าจอค่อนข้างน้อย
  • ปุ่มกดสั่งงานไม่มีส่องสว่าง ทำให้มองไม่เห็นในที่มืด
  • กล้องถ่ายภาพในที่แสงน้อยไม่ค่อยชัด
  • ซิม 2 รองรับเฉพาะ 2G และเชื่อมต่อข้อมูลผ่าน EDGE/GPRS
  • หน่วยความจำในเครื่องที่ให้มาเพียง8GB เเต่สามารถแก้ได้ด้วยmicro sd card
ที่มา

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 4 : โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ (C)


                 ภาษาคอมพิวเตอร์คืออะไรเป็นสิ่งที่ผมสงสัยตอนเห็นหัวข้องานเขียนblogของผม ผมจึงได้ทำการอ่านเเละศึกษามาเเบบผ่านๆอย่างคร่าวๆคือ ภาษา ที่ผู้ใช้งานใช้สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ แล้วคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่งได้ จริงๆเเล้วโปรเเกรมต่างๆก็เป็นสิ่งที่เขียนจากภาษาคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น ภาษาคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ ภาษาระดับสูง เเละ ภาษาระดับต่ำ ซึ่งภาษาระดับสูงถูกออกเเบบมาให้ใช้งานง่าย กว่าภาษาระดับต่ำ ภาษาคอมพิวเตอร์แบ่งกลุ่มได้เป็นอีกสองประเภทคือ ภาษาที่มนุษย์อ่านออกและภาษาที่มนุษย์อ่านไม่ออก โดยภาษาที่มนุษย์อ่านออกถูกออกแบบมาเพื่อให้มนุษย์สามารถเข้าใจและสื่อสารได้โดยตรงกับคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาที่มนุษย์อ่านไม่ได้จะมีโค้ดบางส่วนที่ไม่อาจอ่านเข้าใจได้ เเต่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจโค้ดได้

www.postfree108.com
                          ภาษาcเป็นภาษาในการเขียนโปรเเกรมพื้นฐาน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเช่น ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ทางคณิตศาสตร์ โปรแกรมทางไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถ้าจะพูดถึงภาษาcในตอนนี้คงมีเเค่ใครไม่กี่คนที่รู้จักรวมถึงผมด้วย เพราะมัน เก่าเกินกว่าจะสนใจเเต่ควรศึกษาภาษาซีที่เป็นต้นฉบับของหลายภาษาอื่นๆก่อนเพราะภาษา C++จาวา (Java) ฯลฯ เป็นระบบที่พัฒนาจากภาษาcเช่นกัน
             ภาษาซีเป็นภาษาที่บางคนเรียกว่าภาษาระดับกลาง คือไม่เป็นภาษาระดับต่ำแบบแอสเซมบลีหรือเป็นภาษาสูงแบบ เบสิค โคบอล ฟอร์แทรน หรือ ปาสคาล เนื่องจากคุณสามารถจะจัดการเกี่ยวกับเรื่องของพอยน์เตอร์ได้อย่างอิสระ และบางทีคุณก็สามารถควบคุมฮาร์ดแวร์ผ่านทาง ภาษาซี ได้ราวกับคุณเขียนมันด้วยภาษาแอสเซมบลี ด้วยข้อดีเหล่านี้เองทำให้โปรแกรมที่ถูกเขียนด้วยภาษาซีมีความเร็วในการปฏิบัติงานสูงกว่าภาษาทั่วๆไป แต่ก็ต้องแลกกับการเรียนรู้และการฝึกฝนอย่างหนัก

ประวัติภาษาซี
ภาษาซีเป็นภาษาที่ถือว่าเป็นทั้งภาษาระดับสูงและระดับต่ำ ถูกพัฒนาโดยเดนนิส ริดชี (Dennis Ritche) แห่งห้องทดลองเบลล์ (Bell Laboratories) ที่เมอร์รีฮิล มลรัฐนิวเจอร์ซี่ โดยเดนนิสได้ใช้หลักการของภาษา บีซีพีแอล (BCPL : Basic Combine Programming Language) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยเคน ทอมสัน (Ken Tomson) การออกแบบและพัฒนาภาษาซีของเดนนิส ริดชี มีจุดมุ่งหมายให้เป็นภาษาสำหรับใช้เขียนโปรแกรมปฏิบัติการระบบยูนิกซ์ และได้ตั้งชื่อว่า ซี (C) เพราะเห็นว่า ซี (C) เป็นตัวอักษรต่อจากบี (B) ของภาษา BCPL ภาษาซีถือว่าเป็นภาษาระดับสูงและภาษาระดับต่ำ ทั้งนี้เพราะ ภาษาซีมีวิธีใช้ข้อมูลและมีโครงสร้างการควบคุมการทำงานของโปรแกรมเป็นอย่างเดียวกับภาษาของโปรแกรมระดับสูงอื่นๆ จึงถือว่าเป็นภาษาระดับสูง ในด้านที่ถือว่าภาษาซีเป็นภาษาระดับต่ำ เพราะภาษาซีมีวิธีการเข้าถึงในระดับต่ำที่สุดของฮาร์ดแวร์ ความสามารถทั้งสองด้านของภาษานี้เป็นสิ่งที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ความสามารถระดับต่ำทำให้ภาษาซีสามารถใช้เฉพาะเครื่องได้ และความสามารถระดับสูง ทำให้ภาษาซีเป็นอิสระจากฮาร์ดแวร์ ภาษาซีสามารถสร้างรหัสภาษาเครื่องซึ่งตรงกับชนิดของข้อมูลนั้นได้เอง ทำให้โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาซีที่เขียนบนเครื่องหนึ่ง สามารถนำไปใช้กับอีกเครื่องหนึ่งได้ ประกอบกับการใช้พอยน์เตอร์ในภาษาซี นับได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของการเป็นอิสระจากฮาร์ดแวร์

อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ใน Credit

Credit : http://lamplaimat.ac.th/cpp/?p=24

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

SOCIAL NETWORK กับนักเรียนและสังคมไทย

               
                    ในปัจจุบันคำว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คคงคุ้นหูคนไทยเเละสังคมไทยอย่างเเน่นอน   ยิ่งสำหรับนักเรียนด้วยเเล้วคงไม่มีนักเรียนคนไหนไม่รู้จัก มันคือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับใครบางคนในสมัยนี้ เเน่นอนรวมถึงผมด้วย ผมเชื่อว่าคนไทยหลายคนใช้เวลาอย่างน้อย1ชั่วโมงของวันไปกับการใช้งานมัน ไม่ว่าจะเป็นติดตามข่าวสาร ติดต่อเพื่อนก็สามารถใช้มันได้อย่างรวดเร็วสะดวกสบาย
               โซเชียลเน็ตเวิร์คในสังคมไทย ผมมองว่าเป็นดาบสองคมคือมีประโยชน์เเละโทษในตัวมันเอง
ประโยช์ของมันก็เป็นการติดต่อ สื่อสารกับบุคคลอื่นอย่างรวดเร็ว มีข่าวให้ติดตามมากมาย เเต่สิ่งที่เป็นโทษนั้นก็คือ การติดต่อบุคคลอื่นได้อย่างง่ายดายเกินไปอาจทำให้ โดนมิจฉาชีพหลอกลวงได้ เเละที่สำคัญคือมีข่าวที่อาจไม่เป็นจริง ควรใช้วิจารณญาณในการเสพข่าจากสื่อออนไลน์ อย่าไปเชื่อข่าวที่ไม่มีมูลความจริง ไม่มีที่มา อ้างอิง เเน่นอนถ้าคุณเป็นคนที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คคงเคยเจอทั้งสิ่งทีดีมีเเละไม่ดีในการใช้มันอยู่ตลอดเวลาโดยเลี่ยงไม่ได้ ผมจึงมองว่ามันมีผมเสียมากกว่าผลดีในสังคมไทย

              สำหรับนักเรียนอย่างผมการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค อย่างมีประโยชน์คือติดตามข่าวสารที่มีประโยชน์กับตัวผมเช่นการสอบตรง เเละ ติดตามสิ่งที่ผมชอบหลายๆอย่าง ส่วนสิ่งที่ไม่ดีก็น่าจะรู้ๆกันนะ

ปล.blogก็ถือเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คนะครับ

ทีมา : พิมพ์เองครับ